Wednesday, October 04, 2006

ซื้อซีดีกันอยู่หรือเปล่า

ผมเคยอ่านเจอบทความของมาร์ติน มาร์ไจล่าแฟชั่นดีไซเนอร์ ที่ให้สัมภาษณ์ความคิดเห็นไว้ในนิตยสาร One นิตยสารเกี่ยวกับการออกแบบและดีไซน์เมื่อสองสามปีก่อนเกี่ยวกับกระแสแนวความคิดแบบ deconstruction ที่ดีไซเนอร์หลายคนพยายามใช้เป็นแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างงานด้วยการเอาของเก่ามา”ยำใหม่”
มาไจล่าอดีตเคยเป็นดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อของแอร์เมสบอกว่าเขาคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้เพราะ “หลังยุคเจ็ดศูนย์ โลกของแฟชั่นก็ไม่ได้มีอะไรใหม่แล้ว” ซึ่งหมายถึงว่าแฟชั่นหรือสิ่งของต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในยุคปัจจุบันล้วนแล้วแต่หยิบยืมเอาของเก่ามาทำใหม่กันทั้งนั้น เป็นวัฒนธรรมที่มีชื่อเล่นเก๋ไก๋ว่าวัฒนธรรมตัดปะ (Cut&Mix culture)
ผมทึกทักเอาเองว่ามาไจล่าเองคงกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยกับการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตแบบนี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่อยากเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้
กระบวนการทุนนิยมและการผลิตที่เน้นผลิตคราวละมากๆ (mass production) ที่ต้องอาศัยระบบแบบสายพานการผลิต ได้ทำลายจินตนาการและความสามารถในการผลิตของมนุษยชาติไปทีละเล็กละน้อยเพราะวิธีผลิตแบบนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราคิดต่าง ถึงจะคิดต่างก็มีที่ทางน้อยมากในการโผล่ขึ้นมาหายใจ เพราะการคิดต่างบางครั้งก็หมายถึงการอยู่“นอกระบบ” ซึ่งก็มีคนเห็นว่าแบบนี้ไม่ค่อยดี เดียวรวนกันหมด
วงการเพลงก็เหมือนกับวงการแฟชั่นหรือวงการอื่นๆ คือไม่มีอะไรใหม่หลังยุคทศวรรษ 70 เป็นต้นมา ทุกวันนี้เพลงป๊อบยังคงใช้วิธีเล่าเรื่องแบบเดิมๆ เพลงที่ฮิตมีไหม ก็มีครับแต่มันก็ไม่ใช่ปรากฏการณ์เหมือนอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว สำหรับผมถึงเพลงดังแต่ไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพลงนั้นก็ถือเป็นแค่สินค้าอุปโภค บริโภคหาใช่ศิลปะ และอย่ามาใช้คำว่าศิลปินกับคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าโน้ตเขบ็ดเลย นักร้องเงเมืองนอกขี้หมูขี้หมาก็แต่งเพลงเองได้ครับ บ้านเรานี่สิแปลกบอกว่าเป็นศิลปินแต่ทำอะไรไม่เก่งสักอย่างเอาแต่หล่อ สวยอย่างเดียว ฉะนั้นจะเรียกตัวเองว่าศิลปิน ผมว่าน่าจะคิดอีกนิด
วงการเพลงจึงไม่มีอะไรใหม่ด้วยประการฉะนี้ ไม่มีสงครามไม่มีอุดมการณ์ ครอบครัว ปากท้องและชีวิตในระบบ(ที่ว่ากันว่าจะทำให้คุณปลอดภัยนั้น)สำคัญกว่า เหมือนอย่างที่นิค ฮอร์นบี้นักเขียนชาวอังกฤษเคยบอกว่าเลยคนเราอายุเลย 30 ก็เลิกซื้อซีดีฟังกันแล้ว
ดูๆ ไปทุกวงการเจอทางตันกันหมด ความคิดแบบทุนฯ บีบให้เราทำอะไรเหมือนๆ กัน เจอปัญหาเหมือนกันทั้งโลก บีบให้เราต้องทำอะไรตามระบบ ความหลากหลาย ความประนีต จินตนาการลดลง เดี๋ยวนี่จะหาวงที่มีแนวประสานเฉียบแบบบีจี ไม่มีแล้ว จะหาวงที่มีเนื้อร้องฉลาดคมคายแบบเพลงของคุณเรวัตร พุฒทินันท์ หรือเฉลียงก็ไม่เห็นมี หรือวงที่ฝีมือเล่นสดสุดยอดอย่าง Tower of power หรือ Earth Wind and fire ก็น้อยเต็มที คนหมกมุ่นกับสิ่งที่ทำน้อยลง สมาธิสั้นขึ้นและขี้กลัว การฟังเพลงสมัยนี้ก็เลยเหมือนกัน คือฟังน้อยลง ฟังเฉพาะท่อนฮุก(เอาไปทำริงโทน) และไม่กล้าฟังไม่เหมือนคนอื่น เดี๋ยวจะโดนว่าล้าสมัย
สถานีวิทยุเองก็เปลี่ยนไป นักจัดรายการแบบสมัยก่อนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ยุคสมัยอย่างคุณหมึก วิโรจน์ ควันธรรมหรืออย่างป้าแจ๋วก็ไม่มีแล้ว ดีเจไม่เคยรู้เรื่องเพลงเพราะเปิดเพลงตามโจทย์วนไปวนมา เปิดเพลงแปลกๆ ก็ไม่ได้เพราะเปิดซี้ซั้วอาจโดนฟ้อง เพราะค่ายเพลงเก็บเงินค่าเปิดเพลงอันนี้ก็เป็นเรื่องของระบบอีก
ผมมานั่งนึกว่าสองสามปีมานี้ผมซื้อซีดีน้อยลงมากทั้งๆ ที่สมัยก่อนซื้อเกือบทุกอาทิตย์ จริงๆ มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะครับเมื่อรู้ว่าอนาคตเราจะหาเพลงดีๆ ฟังได้น้อยลง แถมวิทยุก็ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจเหมือนเก่า
ทางออกคงต้องอยู่ที่พวกเราช่วยกันดื้อเสียบ้าง ก็น่าจะดีเหมือนกัน
ปล. คุณมีซีดีแผ่นโปรดไหม
ของผมนี่ที่ชอบมากๆๆๆๆๆๆ ก็คือซีดีแสดงสด ของ Earth Wind and Fire นั่นเป็นวีดีที่ทำให้ผมฟังทีไรก็ขนลุกแล้วลูกอีก เพราะทั้งอังการ มาสเตอร์ได้ดีมาก แล้วเสียงร้องก็ไม่ตก คิวเพลงสุดยอด เป็นหนึ่งในอัลยบั้มที่ผมมักนึกถึงเสมอๆ เวลาที่ใครถามว่า อัลบั้มโปรดของผมคืออัลบั้มอะไร คุณๆ ล่ะ มีไหม?

0 Comments:

Post a Comment

<< Home